วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

วิวัฒนาการโทรศัพท์มือถือ Smart-Phone

สมาร์ทโฟน คืออะไร ต่างจากมือถือธรรมดายังไง มารู้จัก Smart-Phone กันดีกว่า

ช่วงนี้เราได้กันบ่อยๆและฮิตมากกับคำว่า สมาร์ทโฟน ซิมเบี้ยน ว่าแต่อะไรคือสมาร์ทโฟน? อะไรคือซิมเบี้ยนล่ะ?
วันนี้ทำความรู้จักกับเหล่าสมาร์ทโฟนกันดีกว่า
สมาร์ทโฟนคือโทรศัพท์ที่ รองรับระบบปฏิบัติการต่างๆ ที่ยกเอาคุณสมบัติที่ PDA และคอมพิวเตอร์มาไว้ในโทรศัพท์ ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับโทรศัพท์มือถือของคุณให้สามารถ ฟังเพลง ดูหนัง เพิ่มโปรแกรมต่างๆลงไปได้ ตัวอย่างเช่น Sony Erricsson P900/P800, Nokia Series 60, Motorola MPX200, Palm Xplore G88/G18 ก่อนอื่นมาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าสมาร์ทโฟนเครื่องนึงนี่สามารถทำอะไรได้บ้าง
1. มีระบบปฏิบัติการณ์รองรับ สมาร์ทโฟนประกอบไปด้วยระบบปฏิบัติการ 4 ชนิดถ้าเทียบกับคอมพิวเตอร์ ระบบปฏิบัติการเหล่านี้ก็คือพวก Window, Mac หรือ Linux คือจะเป็นโครงสร้างหลักๆของการทำงานในเครื่อง เป็นตัวที่บอกภาษาที่ใช้เขียนและโปรแกรมที่รองรับ โดยทั่วไป โปรแกรมแต่ละโปรแกรมที่จะเอามาใช้ในโทรศัพท์นั้นจะถูกเขียนมาเพื่อระบบ ปฏิบัติแต่ละชนิดซึ่งไม่สามารถใช้ข้ามระบบได้

1. Symbian Os ซิมเบี้ยนเป็นระบบที่ได้รับความนิยมสูงสุด หลักๆจะใช้ในโทรศัพท์ Nokia ที่เป็น สมาร์ทโฟนทุกรุ่น อย่างเช่น Nokia 7650, 3650,3660,6600,7600,7610 เป็นต้น หรือจะพูดง่ายๆก็คือ Nokia Series 60 ทั้งหมด นอกจากค่ายดังอย่างโนเกียแล้ว ซิมเบี้ยนยังมีในโทรศัพท์ของค่ายอื่นๆอีกด้วย ถ้าเทียบกับระบบปฏิบัติการบนคอมพิวเตอร์ Symbian ก็เทียบได้กับ Windows เพราะเป็นระบบที่ได้รับความนิยมสูงสุด การใช้งานทำได้โดยสะดวกรูปแบบดูง่ายไม่ซับซ้อน จึงทำให้เป็นระบบที่มีคนเลือกใช้มาก ซึ่งมีผลทำให้มีคนพัฒนาโปรแกรมเพื่อมารองรับมากและหลากหลายมากขึ้น และยิ่งมีโปรแกรมที่ยิ่งหลากหลายก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในด้านต่างๆไปได้ มากยิ่งขึ้น หากอยากได้ฟังก์ชั่นบางอย่างที่เครื่องเราไม่มีในบางครั้งก็ไม่ถึงกับต้องไป ซื้อเครื่องใหม่ เพียงแต่ลงโปรแกรมนั้นๆลงไปก็ทำให้เครื่องโทรศัพท์มือถือของเรามี ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นไปได้แล้ว และเหตุผลในส่วนนี้วนกลับไปกลับมา
คนใช้เยอะ-> คนพัฒนามาก ->ประสิทธิภาพเพิ่ม->คนใช้เยอะ
เพราะ ฉะนั้นการที่ระบบแต่ละระบบจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่ระบบจะดีหรือไม่เท่านั้น แต่ต้องมีปัจจัยหลายๆด้านประกอบด้วย
Symbian เกิดขึ้นจากการร่วมกันพัฒนาระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Nokia ,Ericsson, Motorola, และ PSION ในปี 1998 ในปีต่อๆมาบริษัท Panasonic , Sony,Sanyo ,Kenwood ก็เข้ามาร่วมด้วย โทรศัพท์ Symbian Phone เครื่องแรกเปิดตัวในปี 2001 นั่นคือรุ่น Ericsson R380s ซึ่งถือเป็นการเปิดฉากได้อย่างงดงาม(ในต่างประเทศ)ทีเดียว แต่ในประเทศไทยรุ่นนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก ที่ได้เห็นอย่างเด่นชัดในการตอบรับของตลาดคงเป็นรุ่น Ericsson P800 และ Nokia Series 60 (ในสมัยแรกๆ 7650 เป็นโทรศัพท์ที่สร้างความตื่นตะลึงกับวงการมือถือได้ไม่น้อยทีเดียว) Nokia Series 60 ถือว่ากำลังได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
Symbian >> Nokia Series 60. Siemens Sx1, SE P800/900/910,Panasonic X700

2. Palm Os มาจาก PDA พัฒนามาจากบริษัท Palm การใช้งานในส่วนต่างๆนั้นจะเหมือนย่อมาจาก PDA ภาพรวมของมือถือจาก Palm เลยจะมีจุดเด่นอยู่ที่คุณสมบัติการเป็น Organizer ที่ดี Palm Os นี้มีอยู่ในโทรศัพท์ของ Palm เอง
Palm OS - Palm Xplore G88/G18
3. Linuxs Os ลีนุกซ์ เป็นระบบน้องใหม่ทีเดียวสำหรับโทรศัพท์มือถือ มีอยู่ในโทรศัพท์เพียงไม่กี่รุ่นหลังจากที่ Motorola หุ้นส่วนพันธมิตรรุ่นแรกที่ร่วมพัฒนา Symbian ที่แยกตัวออกมาพัฒนาเอง
Linux OS - Motorola A768 E680
4. Windows Os วินโดว์มีอิทธิพลมาจากคอมพิวเตอร์และ PDA พัฒนาโดยบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft แต่ไม่ยักกะได้รับความนิยมแหมือน windows รูปร่างการใช้งาน interface ก็เลียนแบบมาจาก Windows ในคอมเลยทีเดียว มีอยู่ในโทรศัพท์หลายรุ่น
Windows OS - SPV, O2 Xphone, O2 XDA I/II

2. มีความสามารในการจัดการกับไฟล์ต่างๆ นี่เป็นอีกคุณสมบัตินึงของสมาร์ทโฟนที่จำเป็นมากๆ เปรียบกับ Pc ฟังก์ชั่นนี้ก็คือ Exploler นั่นเองค่ะ เราสามารถใช้ดูสกุลของไฟล์ ขนาดและเลือกจัดเก็บ ลบ หรือจัดการกับไฟล์ต่างๆได้อย่างอิสระ ในรุ่นแรกๆนั้นยังไม่ได้มีติดมากับเครื่องแต่จะใช้โปรแกรมที่เขียนมาเพื่อ ใช้โดยเฉพาะ ที่ได้รับความนิยมมากๆโปรแกรมหนึ่งก็อย่างเช่น SeLeQ เป็นต้น
3. มีการรองรับ Multimedia files สามารถรองรับไฟล์ Multimedia ได้หลากหลายรูปแบบ เช่นไฟล์ ภาพ,ภาพเคลื่อนไหว เช่นภาพเคลื่อนไหวสกุล .gif เสียง ซึ่งก็จะมีหลายรูปแบบ เช่น ไฟล์ Wave, MP3, Midi ต่อไปเป็นไฟล์วิดีโอ ซึ่งจะสามารถรองรับภาพเคลื่อนไหว หรือภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียง เช่นสกุล .3gp .mp4 เป็นต้น
4. การเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สาย นี่เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่จะทำให้ smart-Phone ของคุณทำงานได้ยืดหยุ่นมากขึ้น นั่นคือการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ PDA โทรศัพท์เครื่องอื่น พริ้นเตอร์ หรือกล้องดิจิตอล ผ่านทาง อินฟราเรด บลูทูธ หรือ Wi-Fi
ทั้ง 4 ข้อนี้อาจจะทำให้คุณรู้จัก Smart-Phone เพิ่มขึ้นแต่ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยนะคะว่าจริงๆแล้ว คำว่า Smart Phone อีกในนัยนึงนี่ก็อาจจะเป็นการตัดสินจากคุณสมบัติจากตัวผู้ใช้เอง ไม่จำเป็นว่าต้องรองรับระบบปฏิบัติการณ์ต่างๆที่กล่าวมาก็ได้ อาจจะเป็นโทรศัพท์ที่มีความเป็น Multimedia มีความสามารถในการใช้งานในด้านต่างๆครบครัน ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนได้เหมือนกัน อย่างเช่น K700i 6230 ถึงแม้จะไม่ได้มีคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้น แต่ถ้าจะให้ตัดสินกันจริงๆ ถ้าไม่ใช่ สมาร์ทโฟน ก็ถือว่าใกล้เคียงมากทีเดียhttp://youtu.be/2O5PEpA9_kY

ในบทความนี้เราจะพูดถึงโทรศัพท์กันในเรื่องประสิทธิภาพอย่างเดียวนะครับ ไม่นับการใช้งานอื่นๆ ทั้งนี้เเต่ละคนก็มีปัจจัยในการเลือกซื้อต่างกัน ทั้งดีไซน์ รูปทรง ราคา ซึ่งเป็นปัจจัยที่เเตกต่างตามกันไปของเเต่ละคน บทความนี้เพื่อคนอยากได้สมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดเเละวิธีเลือกดูครับ? ^^
เดี๋ยวนี้เราจะเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือซักเครื่องนึงดูจะเป็นเรื่องยากเย็นเข็นใจ เพราะโทรศัพท์เเอนดรอยด์ออกมาให้เต็มไปหมดจนเลือกไม่ถูก จนเราเห็นในเว็บบอร์ดส่วนใหญ่คนจะถามกันว่ารุ่นไหนเร็วหรือคุ้มค่ากว่ากัน ความเร็วซีพียูก็เป็นปัจจัยหนึ่งในการเลือกซื้อเพราะว่ามันเป็นตัวเลือกที่เห็นได้ง่าย ชัดเจน เเละเป็นความเชื่อที่ว่าตัวเลขที่ยิ่งสูงก็ทำให้เครื่องยิ่งเเรง ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง เเต่ประสิทธิภาพในโลกของความเป็นจริงการเพิ่มความเร็วของ CPU นั้นมีผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เราลองไปดูการทดลองกันได้
oc quadrant neocoreoc
อย่างที่เราเห็นในผลทดสอบว่าการเพิ่มความเร็วไปอีก 200 MHz ตั้งเเต่ 800 MHz ขึ้นไปนั้นไม่ได้ทำให้ผลการ benchmark คะเเนนดีไปกว่าเดิมมากนัก จุดที่เหมาะสมที่สุดในการเพิ่มความเร็ว เราพบว่าอยู่ที่ความเร็ว 800 MHz ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมคุ้มค่าในหลายๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็น Motorola Defy หรือ Samsung Galaxy Cooper หลังจากนั้นไปการเพิ่มความเร็วเข้าไปอีกก็ไม่ได้ประสิทธิภาพโดดเด่นเท่าไรนักในเเง่ประสิทธิภาพต่อความเร็วที่เพิ่มขึ้นไป ในเมื่อการอัด CPU เข้าไปเร็วๆเเต่เครื่องก็ยังอืด เเล้วอะไรเป็นอีกปัจจัยนึงละ
ใช่ครับ วันนี้เรามาพูดกันถึงเรื่องของ GPU ว่าทำไม GPU ถึงมีบทบาทสำคัญสำหรับสมาร์ทโฟน
เมื่อการประมวลผลของสมาร์ทโฟนมีพลังมากขึ้น ส่งผลให้เราเห็นเเอพต่างๆมากมาย เกมส์ เเฟลช ที่มีภาพสวยงามยิ่งขึ้น การใช้งานมือถือเต็มไปด้วยเอฟเฟคต่างๆมากมาย ผู้ใช้ต่างคาดหวังประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ใช้การประมวลผลจาก GPU เป็นหลัก ไม่ใช่ CPU ทั้งนั้น ลองนึกสภาพว่าเราใช้ CPU ที่มีพลังประมวลผลสูงมากมาย เเต่การใช้งานกลับ ช้า หน่วง ไม่ลื่น นั่นเป็นเพราะว่ามือถือตัวนั้นไม่มี GPU หรือใช้ GPU ที่มีประสิทธิภาพต่ำนั่นเอง ซึ่งผู้ผลิตไม่ค่อยพูดถึงตรงนี้มากนักเพราะคิดว่าผู้ใช้ทั่วไปไม่สนใจ ดังนั้นเราจะเห็นเเต่โฆษณาที่พูดว่าโทรศัพท์ความเร็ว 1 GHz เต็มไปหมด เเต่พอเรามาใช้งานจริงๆกลับไม่ได้ดั่งใจ กระตุกบ้าง ไม่ลื่นบ้าง
1ghzcompare
อย่างที่เราเห็นในรูปว่า สมาร์ทโฟนที่ซีพียูความเร็ว 1 GHz เท่ากัน เเต่เมื่อ GPU ต่างกันมันทำให้ประสิทธิภาพต่างกันชัดเจนยิ่งกว่า CPU เสียอีก (ในที่นี่ขอละข้ามเรื่องตัวเเปรที่ CPU เป็นคนละรุ่นไป เเละ Tegra 2 ที่เป็น Dual Core นำมาเพื่อเปรียบให้เห็นภาพในอนาคตเท่านั้น) สิ่งที่น่าสนใจในกราฟนี้มีดังนี้
  • Adreno 200 จะทำคะเเนนได้ต่ำสุดจากนั้นเป็น PowerVR SGX 530 ทำได้ประมาณ 40 เฟรม จากนั้นเป็น PowerVR SGX 540 เเละ Adreno 205 ที่ทำได้ประมาณ 50 เฟรม ในขณะที่ Dual Core 1 GHz พุ่งไปที่ 78 เฟรม (จริงๆไม่สามารถเปรียบกันโดยตรงได้เนื่องจากคนละสถาปัตยกรรม เเต่ก็ทำให้เรารู้ได้ว่า มันเเรงส์มาก = =)
  • นี่เป็นเหตุผลว่า Desire เล่นเกมส์หรือใช้งานเราไม่รู้สึกลื่นเท่า Desire HD เพราะว่าใช้ GPU กันคนละตัวถึงเเม้ว่าจะมีความเร็วเท่ากันที่ 1 GHz
  • นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม Motorola Defy เวลาใช้งานรู้สึกลื่นเเละคล่องตัวกว่า Desire ทั้งๆที่ความเร็ว CPU ของ Desire สูงกว่า
เเนวโน้มต่อไปในอนาคต?
ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นการคาดการนะครับ อยู่ดีๆเกิด Samsung ขาย Galaxy S II มา 10,000 บาทตลาดอาจจะเเปรปรวนไปหมดเลยนะ ^^
ตลาดสมาร์ทโฟน, เเท็บเลท ระดับบน (20,000+)
20110107112356
จากการเข้ามาของซีพียู Dual Core ทำให้เราคาดหวังได้ว่าอีกหน่อย Adreno 205 เเละ PowerVR SGX 540 จะถูกดันลงไปใช้ในโทรศัพท์ระดับกลางเเทน เเต่ว่าเรื่องอาจจะไม่ได้ง่ายอย่างงั้นเพราะว่าดูท่าทาง Qualcomm ยังไม่ยอมปล่อย Dual Core ออกมา นี่เป็นสาเหตุที่ว่ามือถือของ HTC เเละ Sony ยังคงใช้ของเก่าจากปีที่เเล้วมาขายอยู่ ในเเง่นี้ถือว่าเป็นโอกาสของผู้ผลิตรายอื่นๆอย่าง Samsung, LG, Motorola ที่ Supplier ของตนไม่ได้มีปัญหาอย่าง Qualcomm ดูจากสถานการณ์เเล้วถ้าอยากใช้ Dual Core ของทั้งสองยี่ห้ออาจจะต้องรอถึงปลายปีนี้ก็ได้ ส่วน Samsung ก็ไม่ง้อใครทำ Dual Core เองขายเองมาพร้อมกับ Exynos 4210 มาพร้อมกับ GPU Mali 400 ที่โลว์โปรไฟล์สุดๆ
  • Nvidia Tegra? 250 + ULP Geforce – LG Optimus 2X, LG Optimus Tab,? Motorola Atrix, Motorola Xoom, Samsung Galaxy 10.1
  • Samsung Exynos 4210 + Mali 400 ? Samsung Galaxy S II
ตลาดสมาร์ทโฟน, เเท็บเลท ระดับกลาง (10,000 ? 20,000)
htc-incredible-s-560x350
เเน่นอนว่าตัวท็อปเก่าอย่าง PoweVR SGX540 เเละ Adreno 205 จะถูกลงมาทำในตลาดระดับกลางเเทนอย่างที่เห็นกับราคาของ Sony Ericsson Arc เเละ Neo ที่เปิดตัวมาไม่เกินสองหมื่น (ถ้าเกินละก็คงดับเเน่ เเต่ rc ก็หย่อนหมื่นมาสิบบาทเองนะ) เเละตัวท็อปเก่าๆอย่าง Desire HD, Galaxy S ก็คงจะถูกดันมาในระดับกลางๆเเทน
  • Qualcomm MSM8255 + Adreno 205 ? HTC Desire HD, HTC Desire S, HTC Incredible S, HTC Flyer, Sony Ericsson Xperia Play, Sony Ericsson Xperia Arc, Sony Ericsson Xperia Neo,
  • Samsung S5PC110 + PowerVR SGX540 ? Samsung Galaxy S, Samsung Galaxy Tab, Google Nexus S
ตลาดสมาร์ทโฟน (ไม่เกิน 10,000)

ในตลาดระดับนี้เราจะเห็น Adreno 200 บวกกับสารพัด CPU อย่างที่เราเห็นใน Galaxy Mini, Galaxy Fit หรือ Cooper ดีไม่ดีเเอนดรอยระดับเริ่มต้นราคาประมาณ 6000 บาท ก็จะมี GPU รุ่นท็อปของปีที่เเล้วใส่มาให้เลยอย่าง Samsung ก็ได้ ^^ ส่วน PowerVR SGX 530 ที่อยู่ใน Defy กับ Galaxy SL ก็น่าสนใจว่าจะดัมป์ราคาลงมาในช่วงเกือบหมื่นรือว่าจะเฟดออกจากตลาดไปเลย
  • Adreno 200 ? Samsung Galaxy Cooper, LG Optimus Me, LG Optimus One ราคารุ่นพวกนี้อีกหน่อยจะหล่นไป 6000 บาทก็อาจจะไม่ใช่เรื่องเเปลก
  • TI OMAP 3610 (800 MHz) + PowerVR SGX530 ? Motorola Defy
  • TI OMAP 3630 (1000 MHz)+ PowerVR SGX530 ? Samsung Galaxy SL
นี่เป็นการคาดการณ์ถึงสภาพตลาดสมาร์ทโฟนในช่วงปี 2011 นี้ที่อะไรๆก็ดูเปลี่ยนเเปลงรวดเร็วจนตามไม่ทัน ยังไงก็คิดว่าบทความนี้คงมีประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าในการเลือกซื้อนะครับ โดยเฉพาะตลาดผู้ที่กำลังมองหาเครื่องที่มีประสิทธิภาพเพื่อเกมส์ดีๆที่จะลง Android อีกมากในอนาคตเเละเพื่อการใช้งานที่ลื่นไหลไม่หงุดหงิด ^^

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วิวัฒนาการโทรศัพท์มือถือ 2

วิวัฒนาการโทรศัพท์มือถือ




วิวัฒนาการโทรศัพท์มือถือในไทย
"ตำนานไปรษณีย์โทรเลขสยาม" พ.ศ.2429 ถึง พ.ศ.2468 ได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับโทรศัพท์ในประเทศไทยไว้ว่า ประเทศไทยได้นำเอาโทรศัพท์มาใช้เป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2424 ตรงกับรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยกรมกลาโหม (กระทรวงกลาโหมในปัจจุบัน) ได้สั่งเข้ามาใช้งานในกิจการเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ โดยติดตั้งที่กรมอู่ทหารเรือกรุงเทพฯ 1 เครื่อง และป้อมยามปากน้ำเจ้าพระยา จังหวัดสมุทรปราการอีก 1 เครื่อง รวม 2 เครื่อง เพื่อจะได้แจ้งข่าวเรือเข้าออกในแม่น้ำเจ้าพระยาให้ทางกรุงเทพฯทราบ

พ.ศ.2429 กิจการโทรศัพท์ได้เจริญรุ่งเรืองขึ้น จำนวนเลขหมายและบุคลากรก็เพิ่มมากขึ้นยุ่งยากแก่การบริหารงานของกรมกลาโหม ดังนั้น กรมกลาโหมจึงได้โอนกิจการของโทรศัพท์ให้ไปอยู่ในการดูแลและดำเนินการของกรมไปรษณีย์โทรเลข ต่อมากรมไปรษณีย์โทรเลขก็ได้ขยายกิจการโทรศัพท์จากภาครัฐสู่เอกชน โดยให้ประชาชน มีโอกาสใช้โทรศัพท์ได้ ในระยะนี้เครื่องที่ใช้จะเป็น ระบบแม็กนีโต(Magneto)หรือระบบ โลคอลแบตเตอรี่ (Local Battery )

พ.ศ.2450 กรมไปรษณีย์โทรเลขได้สั่งโทรศัพท์ ระบบคอมมอนแบตเตอรี่ (Common Battery) หรือ เซ็นทรัล แบตเตอรี่(Central Battery) มาใช้ซึ่งสะดวกและประหยัดกว่าระบบแม็กนีโตมาก

พ.ศ.2479 กรมไปรษณีย์โทรเลขได้สั่งซื้อชุมสายระบบสเต็บบายสเต็บ(Step by Step) ซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติสามารถหมุนเลขหมายถึงกันโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านพนักงานต่อสาย(Operator) เหมือน โลคอลแบตเตอรี่ หรือ เซ็นทรัล แบตเตอรี่

พ.ศ.2497 เนื่องจากกิจการโทรศัพท์ได้เจริญก้าวหน้ามาก ประชาชนนิยมใช้ แพร่หลายไปทั่วประเทศ กิจการใหญ่โตขึ้นมากทำให้การบริหารงานลำบากมากขึ้น เพราะกรมไปรษณีย์โทรเลขต้องดูแลเรื่องอื่นอีกมาก ดังนั้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2497 จึงได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติตั้งองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยขึ้น โดยแยกกองช่างโทรศัพท์กรมไปรษณีย์โทรเลขมาตั้งเป็นองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยขึ้น มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคมมาจนถึงปัจจุบัน องค์การโทรศัพท์หลังจากที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นแล้ว ก็ได้รับโอนงานกิจการโทรศัพท์มาดูแล

พ.ศ.2517 องค์การโทรศัพท์ก็สั่งซื้อชุมสายโทรศัพท์ระบบคอสบาร์(Cross Bar) มาใช้งานระบบคอสบาร์เป็นระบบอัตโนมัติเหมือนระบบสเต็บบายสเต็บแต่ทันสมัยกว่าทำงานได้เร็วกว่า มีวงจรพูดได้มากกว่า และขนาดเล็กกว่า

พ.ศ.2526 องค์การโทรศัพท์ได้นำระบบชุมสาย SPC (Storage Program Control) มาใช้งาน ระบบ SPC เป็นระบบที่ควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ (Computer) ทำงานได้รวดเร็วมาก ขนาดเล็ก กินไฟน้อย และยังให้บริการเสริมด้าน อื่น ๆ ได้อีกด้วย

ในปัจจุบันชุมสายโทรศัพท์ที่ติดตั้งใหม่ ๆ จะเป็นระบบ SPC ทั้งหมด ระบบอื่น ๆ เลิกผลิตแล้ว ประเทศไทยเรากำลังเร่งติดตั้งโทรศัพท์เพื่อให้พอใช้กับประชาชน ดังจะเห็นจากโครงการ 3 ล้านเลขหมายในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 7 และโครงการอื่น ๆ ต่อไป รวมทั้งวิทยุโทรศัพท์อีกด้วย เพื่อเสริมให้ระบบสื่อสารในประเทศไทยมีประสิทธิภาพ เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป


วิวัฒนาการโทรศัพท์มือถือ มีการพัฒนามาเรื่อยๆ สังเกตุได้จาก• รูปร่างขนาดใหญ่ เป็น รูปร่างขนาดเล็ก
• ภาพหน้าจอขาว – ดำ เป็น ภาพหน้าจอ สี
• ใช้สำหรับพูดคุยระหว่าง คน 2 คน เป็น ประชุมสาย ตั้งแต่ 3 สายขึ้นไปได้
• ใช้ฟังเพลงได้ – ใช้ดูหนังได้ MP3
• เป็นกล้องถ่ายรูป – เป็นกล้องวีดีโอได้ อัดเสียงสนทนาได้
• ใช้เป็นเครื่องคิดเลข เป็น ออร์แกไนเซอร์ จดบันทึกข้อมูล
• และอีกหลายๆ คุณสมบัติของโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ
ปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือ ได้พัฒนาการมามาก จะเห็นได้จากคุณสมบัติ อาทิเช่น
• สามารถใช้งานได้ทั้งโทรศัพท์และออร์แกไนเซอร์
• สามารถใช้งานได้ยาวนานโดยไม่ต้องชาร์ทไฟ
• สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ ได้ด้วยหน่วยความจำมากมายหากไม่พอซื้อเพิ่มได้
• รองรับระบบการใช้งานแบบ wireless Modem และ Business E-mail สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้โดยใช้ Bluetooth หรือ USB
ในความคิดเห็นส่วนตัว โทรศัพท์ไม่เพียงแต่จะติดต่อสื่อสารกันเท่านั้น อาจทำงานให้เราได้ด้วย หรือ การพัฒนาการเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เช่น PDA หรือ Pocket Pc ในอนาคตวิวัฒนาการของโทรศัพท์อาจจะเป็น เครื่องเจาะเวลาหาอดีต หรือ อนาคต ก็เป็นไปได้ เช่นนึกถึงอดีตเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมาก็กด และ เราสามารถย้อนกลับไปในอดีตได้ หรือหากต้องการทราบอนาคต ก็กดปุ่มและไปยังอนาคตอีก 7 ปีข้างหน้าได้ โทรศัพท์มือถือ อาจจะเป็นอุปกรณ์ประหยัดน้ำมัน หากนำโทรศไปใช้บนรถยนต์ เนื่องจากในอนาคตรถยนต์อาจจะขับเคลื่อนด้วย ระบบเครือข่าย ผ่านดาวเทียม(อาจจะ) เนื่องจากน้ำมันราคาแพงขึ้นทุกวัน วิวัฒนาการต่างๆ เกิดจากการคิดที่หลุดกรอบ ดังนั้นใครจะรู้ว่า อาจมีโทรศัพท์มือถือเจาะเวลาหาอดีต หรือ โทรศัพท์มือถือประหยัดน้ำมัน ดังเช่นที่คนสมัยโบราณไม่เชื่อว่าเราจะบินได้โดยเครื่องบิน โทรศัพท์อาจจะมีขนาดเล็กเหมือนแหวน และพอจะใช้ก็แปลงร่างออกมาได้ใครจะรู้

วิวัฒนาการโทรศัพท์มือถือ ( เพจเจอร์ )

เพจเจอร์ คืออะไร???

{#เพจเจอร์01.jpg}

หาก จะพูดถึงอุปกรณ์การสื่อสารที่สะดวกสบายและได้รับความนิยมที่สุดในยุคนี้  แทบทุกคนคงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า โทรศัพท์มือถือ ซึ่งทุกวันนี้กลายเป็นปัจจัยที่6(ต่อจากเงินที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน  ชนิดมีกันแทบทุกคน บางคนมีเครื่องเดียวยังไม่พอเลย
ที่ได้รับความนิยม เป็นอย่างมาก ก็ด้วยประโยชน์เอนกประสงค์  ทำได้แทบทุกอย่างทั้ง โทรศัพท์ ส่งข้อความ ฟังวิทยุ ฟังเพลง ถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ เล่นเกมส์ ดูหนัง ดูทีวี เล่นอินเทอร์เน็ต
ทว่า ก่อนการมาถึงของโทรศัพท์มือถือและเครื่องพีซีที  ในยุคหนึ่งถ้ายังจำกันได้(ประมาณปี2530-2540) เราเคยติดต่อสื่อสารกันผ่านเครื่อง เพจเจอร์ หรือที่เรียกอีกอย่างว่า แพ็กลิงค์  ส่วนในภาษาทางการบอกว่าเป็น วิทยุติดตามตัว(ก็ติดตามตัวจริง บ้างก็ติดตามเข็มขัด ห้อยกับกางเกง กระโปรงแล้วแต่ความถนัด)

วัตถุทรงสี่เหลี่ยม ผืนผ้าสีดำ(รุ่นแรกๆ) ที่จะสั่นทุกครั้งที่มีข้อความเข้ามาที่เครื่อง เมื่อกดดูก็จะพบตัวหนังสือแสดงอยู่บนหน้าจอยาวๆ มีหลากหลายยี่ห้อ ทั้ง 152 โฟนลิ้งค์  1500 อีซี่คอล 1144 แพ็คลิงค์(ยี่ห้อนี้ฮิตขนาดคนใช้เรียกแทน เพจเจอร์เลย คล้ายๆกับยี่ห้อ แฟ๊บ ที่เราใช้เรียกแทนผงซักฟอก) 142 เวิร์ลเพจ  162 ฮัทชิสัน 1188 สามารถ  โพสต์เทล  ราคาในตอนนั้นก็มีตั้งแต่ 1000-5000 บาท หมายเลขมี 7 ตัวคล้ายๆเบอร์บ้าน(ใครยังจำได้บ้าง)
แรกเริ่มเดิมที เพจเจอร์ได้รับความนิยมในแวดวงธุรกิจและข้าราชการ เพื่อใช้ติดต่อสื่อสารในการทำงาน ส่วนนอกเวลางานก็ใช้ติดต่อธุระส่วนตัว
ในยุคนั้น เพจเจอร์ มีบทบาทอย่างมากในวงการวิทยุ โดยการเป็นสื่อกลางในการสื่อสารระหว่างผู้จัดรายการกับผู้ฟัง เพื่อใช้แจ้งข่าวสาร ขอเพลง เล่นเกมส์ ร่วมเสนอแนะ

ต่อมา เพจเจอร์ ก็เริ่มได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นมากขึ้น ผู้ผลิตเริ่มมีการออกแบบรูปทรงให้มีความทันสมัยและมีสีสันที่สดใส หลากหลายมากขึ้น  ทำให้เพจเจอร์กลางเป็นเครื่องมือสื่อสารแห่งยุคไปโดยปริยาย
หนุ่มๆสาวๆส่วนใหญ่ในตอนนั้นใช้ เพจเจอร์ ในการสานความสัมพันธ์กัน แทนการเขียนจดหมายที่ดูจะชักช้าล้าสมัยไม่ทันเวลา
จะโทรศัพท์หาก็เปลืองเงินแถมบางบ้านมีโทรศัพท์เครื่องเดียวก็ไม่สะดวก จะโทรตู้สาธารณะก็ลำบากแลกเหรียญแถมยืนขาแข็งอีก



{#เพจเจอร์02.jpg}
ต่างกับเพจเจอร์ที่ ส่งข้อความเร็วและมีความเป็นส่วนตัวสูง เพราะนอกจากคอลเซ็นเตอร์ก็มี เธอเพียงคนเดียวที่ได้ข้อความ(ถ้าไม่มีใครไปแอบอ่านนะ)
เมื่อนึกย้อนกลับไป ชายหนุ่มหลายคนยังคงจำภาพตัวเองยืนในตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญ  แล้วบอกข้อความที่ซึ้งบ้าง เสี่ยวบ้าง เน่าบ้าง ขำบ้าง ที่ต้องบอกผ่านทางคอลเซ็นเตอร์สาวเสียงใสด้วยความเขินอาย  จากนั้นก็กลับไปบ้านไปนอนลุ้นว่า เธอ ได้รับแล้วจะรู้สึกอย่างไร
ส่วนหญิงสาวคงจำความรู้สึกหลังจากที่ได้เปิดอ่านข้อความแล้วได้ หลายคนนอนอมยิ้มฝันดีไปทั้งคืนเลยทีเดียว

อันที่จริงอารมณ์การ ส่ง เพจเจอร์ ก็คงไม่ต่างอะไรกับการส่ง SMS มากมายนัก  ต่างก็แค่ เพจเจอร์ จะส่งข้อความได้มากกว่าการส่ง SMS แต่ส่งหาได้แค่คนเดียว(SMS ก็อปแล้วส่งได้เรื่อยๆ) และมีขั้นตอนการส่งที่แตกต่างเล็กน้อย คือ ไม่ต้องพิมพ์เอง 
ข้อความที่ส่งในขณะนั้นส่วนใหญ่จะเป็น กลอน สั้นๆ ประมาณ1บท คล้องบ้างไม่คล้องบ้าง แต่เน้นสื่อความหมายเป็นสำคัญ
กระนั้น ส่วนตัวกลับรู้สึกว่า เพจเจอร์ มีเสนห์บางอย่างที่พิเศษกว่าการส่ง SMS


{#เพจเจอร์03.jpg} 
มีตัวอย่างข้อความที่ใช่ส่งใน เพจเจอร์ มาให้อ่านแล้วอมยิ้มกันเล่น

คนหลายล้านคนบนโลก
ร้อยหมื่นคนที่รู้จัก
พบเจอใครมาก็หลายคนนัก
แต่แปลก..ที่คุณกลับเป็นคนของความรักคนเดียว


หอบความคิดถึงมาแสนไกล
พร้อมด้วยกลิ่นไอแสนละมุน
กับหนึ่งคำที่แสนอบอุ่น
และน้ำเสียงคุ้นๆบอกว่าคิดถึงจัง


ให้ฉันได้อยู่เคียงข้าง
ในวันที่เธออ้างว้างได้ไหม
แม้ไม่มีคำปลอบโยนใดใด
แต่มีมือที่คอยซับน้ำตาให้อย่างอาทร


จะเก็บดวงดาวน้อยบนฟากฟ้า
สอยลงมาเก็บไว้ที่ใต้หมอน
มอบให้เธอหนุนเวลานอน
ดาวใต้หมอนช่วยให้เธอหลับฝันดี


หัวใจดวงนี้ไม่มีอะไร
แต่มันมีไว้เพื่อใครบางคน
หัวใจดวงนี้บางครั้งสับสน
เพราะใครบางคนไม่เคยสนใจ


รู้ไว้เถอะนะคนดี
จะไม่มีอะไรที่เปลี่ยนความรู้สึกของฉัน
แม้เวลาจะเปลี่ยนคืน-เปลี่ยนวัน
แต่หัวใจฉันจะมีเธอเสมอไป

วันเกิดปีนี้อยากให้ของขวัญเป็นไม้วิเศษ
ที่เสกอะไรก็ได้ตามใจฝัน
แต่อย่าลืมเสกเผื่อฉันด้วยละกัน
คนที่โขมยไม้วิเศษอันนั้นจากพี่มอสมาให้เธอ


อยากเอาดอกไม้ไปให้ที่บ้าน
แล้วก็พูดหวานๆว่ารักเสมอ
แต่ตอนนี้เธออยู่ไกล ถึงไปก็คงไม่ได้เจอ
งั้นฝาก Operator เพจบอกเธอว่า Happy Valentine


พอแค่นี้ก่อนเดี๋ยว จะหวานมากไป ปรากฏการณ์ดีๆที่เกิดขึ้นในยุคนั้น ก็คือกำเนินกวีสมัครเล่นมากมาย ที่ใช้ ความรัก เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งกลอนดีๆขึ้นมา


จำไม่ได้ว่า เพจเจอร์ เสื่อมความนิยมไปเมื่อไหร่ แต่รู้สึกตัวอีกทีเราก็ลืมมันไปเสียสนิทแล้ว คนร่วมสมัยอย่างเราๆ ตอนนี้ถ้าไป


{#เพจเจอร์04.jpg}

บอกใครว่ายังใช้ เพจเจอร์ อยู่คงโดนหาว่าโบราณครํ่าครึน่าดู  ยิ่งไปคุยกับเด็กรุ่นใหม่นี่แถบไม่ต้องพูดถึงเลย คงโดนถามกลับมาว่า มันคืออะไรเหรอ


{#เพจเจอร์05.jpg}
แปลกนะที่บางสิ่ง ในยุคสมัยหนึ่งเป็นของทันสมัย ใครไม่มีถือว่าเชย แต่พอเวลาผ่านไป กลับกลายเป็นของที่ล้าสมัย ใครใช้ถูกหาว่าเชย
กาลเวลาหมุนผ่าน สิ่งที่เปลี่ยนแปลงบ่อยที่สุดก็คือ ความเปลี่ยนแปลง  ถึงงั้นก็จะจดจำไว้ว่า ครั้งหนึ่งเราเคยได้ใช้ เพจเจอร์ ใครอยากข้าม


{#เพจเจอร์06.jpg}